คำศัพท์ DAKAR

ASO

ASO ย่อมาจาก Amaury Sport Organization ซึ่งเป็นผู้จัดงานแรลลี่ดาการ์ ผู้ก่อตั้งเดิม Gilbert Sabine ได้ขายสิทธิ์ในการจัดงานแรลลี่นี้ให้กับ Amaury Group ในปี 1993 โดยใช้ชื่อว่า Thierry Sabine Organization (TSO) หลังจากการปรับโครงสร้างใหม่ในปี 2002 ความรับผิดชอบในการจัดงานแรลลี่ดาการ์ได้ถูกโอนไปยัง ASO Motor Sports Division และตั้งแต่ปี 2003 ASO ก็กลายมาเป็นผู้จัดงานอย่างเป็นทางการ

Assistance (Back-up) Class

ทีมสนับสนุนมักจะใช้เส้นทางอื่นในการเดินทางไปยังรถแข่งจากค่ายหนึ่งไปยังค่ายอื่นเพื่อให้บริการสนับสนุน เนื่องจากผู้แข่งขันสามารถรับการสนับสนุนได้จากผู้แข่งขันและช่างซ่อมคนอื่นๆ ที่ลงทะเบียนเป็นเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือเท่านั้น เจ้าหน้าที่ช่วยเหลือเหล่านี้จึงมีบทบาทสำคัญในการจัดตั้งทีม ในอดีต ช่างซ่อมที่เรียกกันว่า "ช่างซ่อมบนเครื่องบิน" ได้รับอนุญาตให้บินเข้าไปในค่ายโดยเครื่องบิน แต่ถูกห้ามในปี 2002 ยกเว้นในวันหยุด และปัจจุบันได้ถูกยกเลิกไปแล้ว

Assistance route

รถช่วยเหลือจะวิ่งไปตามเส้นทางอื่นที่ไม่ใช่เส้นทางของรถแข่ง โดยผู้จัดงานจะเป็นผู้กำหนดเส้นทางไว้ล่วงหน้า และจะใช้ถนนลาดยางหากเป็นไปได้ มักจะต้องใช้ทางอ้อมเพื่อไปยังจุดพักแรม ทำให้เส้นทางช่วยเหลือยาวกว่าเส้นทางแข่งขัน ในพื้นที่ห่างไกล รถช่วยเหลืออาจต้องใช้เส้นทางเดียวกับรถแข่ง SS เป็นครั้งคราว เนื่องจากไม่อนุญาตให้ออกจากที่พักแรมจนกว่ารถแข่งทั้งหมดจะออกเดินทาง การแข่งขันระหว่างรถช่วยเหลือเพื่อไปยังที่พักแรมแห่งต่อไปจึงอาจดุเดือดไม่แพ้การแข่งขันแรลลี่เลยทีเดียว

Assistance vehicles and trucks

รถช่วยเหลือใช้สำหรับขนส่งบุคลากรสำคัญ เช่น ช่างซ่อมและผู้จัดการทีม ในขณะที่รถบรรทุกช่วยเหลือจะบรรทุกชิ้นส่วนอะไหล่ ยาง และวัสดุอื่นๆ จำนวนมาก นอกจากนี้ รถบรรทุกช่วยเหลือยังติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆ เช่น เครื่องปั่นไฟและเครื่องอัดอากาศ ในเวลากลางคืน ค่ายพักแรมจะเต็มไปด้วยกิจกรรมที่วุ่นวายภายใต้แสงไฟยามค่ำคืนที่รายล้อมไปด้วยรถบรรทุก

Bivouac (บิบ-แว)

บิบแวค คือ ค่ายพักแรมชั่วคราว ทุกวันในการแข่งดาการ์การแข่งขันจะ เริ่ม และ จบลง ที่บิบแวค ในค่ายจะมีคนอาศัยอยู่ถึงประมาณ 4,000 คน ซึ่งรวมไปด้วย ผู้ร่วมแข่งขัน ช่าง สมาชิกทีม ผู้จัดงาาน เจ้าหน้าที่ปฐมพยาบาล และ สื่อมวลชน บิบแวคจะเป็นเหมือนกับเมืองขนาดย่อมๆที่เคลื่อนที่ในได้แต่ละวัน จะมีหน่วยเสบียงในการจัดเตรียมอาหารให้กับคนในงาน และมีแม้แต่ทีมรักษาความสะอาด บิบแวคมักจะตั้งอยู่บริเวณใกล้กับสนามบินเพื่อที่ ผู้จัดงาน สื่อมวลชน และบุคคลที่ไม่ได้ร่วมกับการแข่งขันสามารถย้ายสถานที่จากหนึ่งบิบแวค ไปยังอีก บิบแวค ได้โดยเฮลิคอปเตอร์ หรือ เครื่องบิน

Briefing (บรีฟ-ฟิ่ง)

บรีฟฟิ่ง คือ การที่ผู้จัดงานจะให้รายละเอียดเกี่ยวการแข่งในสเตจของวันถัดไป ซึ่งจะให้ในช่วงเย็น ประมาณ 3 ทุ่ม ที่บิบแวค โดยจะมีรายละเอียดมาเป็น 3 ภาษา ได้แก่ ภาษาอังกฤษ ภาษาฝรั่งเศษ และ ภาษาสเปน

Camion (คา-มิ-ออง)

Camion เป็นคำภาษาฝรั่งเศสที่แปลว่ารถบรรทุก (รวมถึงรถบรรทุกทั่วไปบนท้องถนนและรถบรรทุกแข่งที่ใช้ในรายการ Paris-Dakar)

Check Point (เช็ก-พ้อย)

Check Point (CP) หรือ เช็คพอยน์ คือ จุดที่ใช้ตรวจสอบว่าผู้เข้าแข่งขันที่นั้นขับไปตามเส้นทางที่จัดไว้หรือไม่ โดยทั้วไปจะมี 3 หรือ 4 CP ในแต่ละ SS และบางทีก็จะมีในช่วง Liason ด้วย ที่จุด CP ผู้เข้าแข่งขันจะต้องนำการ์ดยืนให้กับเจ้าหน้าที่ผู้จัดงานเพื่อทำการแสตมป์ จะมีบทลงโทษหนักหากพาหนะไม่ได้ผ่าน CP ดังนั้นการมั่นใจว่าจะผ่าน CP ถือว่าสำคัญมากสำหรับคนนำทาง

FIA (เอฟ-ไอ-เอ)

FIA (Federation Internationale de l’Automobile) หรือ สหพันธยานยนต์นานาชาติ  โดยความรับผิดชอบหลักขององค์กร FIA ก็คือ การพัฒนาวงการมอเตอร์สปอร์ตทั่วโลกโดยผ่านตัวแทนสมาชิก เช่น F1 และ การแข่ง WRC แต่ถว่าขณะนี้ไม่มีการแข่งแรลลี่ขนาดใหญ่สำหรับรถบรรทุก ASO จึงเป็นคนจัดการแข่งขัน วางแผน และกฎระเบียบ สำหรับการแข่งหมวดรถบรรทุก

Liaison (ลี-เอ-ซอง)

ลีเอซอง คือ เส้นทางที่ไม่ได้ทำการจับเวลาในการแข่งดาการ์ ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัยการแข่ง SS ไม่สามารถเริ่มต้น และ จบที่ SS ที่บิบแวค (ค่ายพัก) ได้ ผู้เข้าแข่งขับจึงต้องขับจากบิบแวคไปยังจุดเริ่มต้นของ SS เพื่อเริ่มต้นการแข่ง เมื่อจบการแข่งขันแล้วค่อยขับจาก SS ไปยังบิบแวคอีกที่ ซึ่งเส้นทางก่อนการแข่ง SS และหลังการแข่ง SS จะเรียกว่า "ลีเอซอง" ช่วงลีเอซองจะถูกจำหนดเวลาจำกัดไว้ (มีบทลงโทษ) แต่ก็ไม่ถือว่าเข้มข้นอะไรมาก

Loop stage (ลูป-สเตจ)

ลูปสเตจ คือ เส้นทางแข่งที่เริ่มจากบิบแวค (ค่ายพักแรม) หนึ่งและจบที่ค่าบพักแรมเดิม เพื่อให้แน่ใจว่าผู้เข้าร่วมแข่งขันได้ทำการแข่งตามที่ผู้จัดกำหนด บทลงโทษสำหรับการไม่ผ่านจุด Checkpoint ในด่านนี้จะสูงเป็นพิเศษ แต่ในขณะเดียวกันทีมช่วยเหลือก็จะอยู่ที่บิบแวคเดิม และได้พักผ่อนมากกว่าปกติ

Marathon Stage (มาราทอน-สเตจ)

มาราทอนสเตจ คือ การแข่งขันต่อเนื่องถึง 2 วัน ซึ่งจะไม่มีรถช่วยเหลือ ด่านนี้มีเพื่อให้เกิดความเท่าเทียมระหว่างทีมที่มีผู้สนับสนุนทุนรายใหญ่ กับ ทีมที่ไม่มีผู้สนับสนุนทุน แต่ทว่าผู้เข้าแข่งขันสามารถช่วยเหลือกันเองได้ ซึ่งทีมที่มีผู้สนับสนุนยังคงได้เปรียบอยู่ โดยในปี 2005 ทางผู้จัดการแข่งได้จัด ซุปเปอร์มาราทอนสเตจ (Super Marathon Stage) ขึ้นมา ซึ่งจะลงโทษรถโดย Parc-Femes (การลงโทษโดยการสั่งให้จอด โดยไม่สามารถเข้าไปปรับแต่งรถได้ ยกเว้น การซ่อมบำรุงเบื้องต้น เช่น ดูแลเรื่องยาง, เติมน้ำมัน ไม่สามารถปรับแก้ หรือซ่อมอะไรใหญ่ๆได้ ทำให้เสียเวลาไป)

Neutral Zone (นิวทรอล-โซน)

นิวทรอลโซน คือ ส่วนของการแข่งระหว่าง SS (Special Stages) ในกรณีการแข่งถูกแบ่งเป็นหลายช่วงในหนึ่ง SS ซึ่งรถแข่งจะไม่ถูกจับเวลาในนิวทรอลโซน และจะเดินทางเหมือนตอนช่วง Liason (ลีเอซอง) แต่จะไม่สามารถได้รับการช่วยเหลือได้เนื่องจากเวลาจะถูกจำกัด

Parc-Fermes (ปาร์ก-เฟม)

คำว่า Parc-Fermes หมายถึงการที่ผู้จัดการแข่งขันกักรถไว้ชั่วคราว รวมถึงสถานที่เก็บรถด้วย นักแข่งหรือช่างจะไม่ได้รับอนุญาตให้สัมผัสรถเมื่อเก็บรถไว้ใน Parc-Fermes นอกจากนี้ ที่นี่ยังมีการสุ่มตรวจเพื่อตรวจสอบว่ารถแข่งคันใดฝ่าฝืนกฎระเบียบหรือไม่

Penalties (เพ-นอล-ตี้)

Penalties หรือ บทลงโทษ - ในกฏการแข่งขันมีบทลงโทษอยู่หลายรูปแบบ ส่วนมากจะเป็นการเพิ่มเวลาให้กับ SS และ บทลงโทษสำหรับไม่ผ่านจุด Check Point อาจจะโดนเพิ่มว่าเป็นชั่วโมงไปในการแข่ง โทษปรับร้ายแรงอาจจะโดนปรับเป็นตัวเงิน หรือ อาจโดนตัดสิทธิจากจากแข่งขันได้

Piste (พิส-เท)

ภาษาฝรั่งเศสแปลว่า “เส้นทาง” หรือ “ร่อง” การขับออกนอกเส้นทางหมายถึงการออกจากถนนที่เคยใช้หรือขับออกนอกเส้นทาง

Podium (โพ-เดี้ยม)

Podium หรือ แท่นที่ทีมต่างๆ จะได้รับการยกย่องจากผลงานของพวกเขา ในช่วงไคลแม็กซ์ของการแข่งขันแรลลี่ดาการ์ หรือการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ ผู้ได้รับรางวัลและผู้เข้าเส้นชัยจะได้รับเชิญให้ขึ้นแท่นเพื่อรับรางวัล ผู้เข้าแข่งขันจะไม่ได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการว่าเข้าเส้นชัยแล้วจนกว่าจะผ่านแท่น ดังนั้นรถแข่งคันใดที่หยุดนิ่งขณะกำลังขึ้นแท่นจะถูกตัดสิทธิ์ แม้ว่าโดยปกติแล้วผู้เข้าแข่งขันทุกคนจะใช้เวลามากกว่า 10 ชั่วโมงในการผ่านแท่น แต่แฟนๆ ชาวอเมริกาใต้ที่หลงใหลบนแท่นยังคงแบ่งปันความตื่นเต้นกับนักแข่งจนกว่ารถคันสุดท้ายจะมาถึง

Quick Assistance (ควิ๊ก-อะซิสแทนส์)

รถช่วยเหลือด่วน (Quick Assistance Vehicle) คือรถสนับสนุนที่ได้รับอนุญาตให้เข้าสู่คลาสการแข่งขันระหว่าง SS เมื่อรถแข่งประสบปัญหาทางกลไก ทีมงานระดับสูงของบริษัทใช้รถขับเคลื่อนสี่ล้อที่มีความคล่องตัวสูงพร้อมรถบรรทุกที่บรรทุกชิ้นส่วนอะไหล่ รถบรรทุกช่วยเหลือไม่ได้รับอนุญาตให้สนับสนุนรถแข่งใน SS แต่ได้รับอนุญาตให้ทำได้หากเดินทางบนเส้นทางประสานงานเดียวกันกับรถแข่ง

SS (สเปเชียล-สเตจ)

SS เป็นคำย่อของ Special Stage หรือที่รู้จักกันในชื่อ Selective Sector โดย SS แต่ละครั้งจะเหมือนกับการแข่งขันจับเวลา ผลการแข่งขันจะอิงจากผลรวมเวลาของ SS ต่างๆ ลบด้วยค่าปรับหากมี รถที่เร็วที่สุดจะเป็นผู้ชนะ

Stage (สเตจ)

Stage หรือที่เรียกว่า เอเทป คือตารางการแข่งขันแรลลี่ดาการ์หนึ่งวัน โดยปกติ เวทีจะประกอบด้วยส่วนประสานงานและ SS เวทีทั่วไปประกอบด้วยส่วนประสานงานจากค่ายพักแรมไปยังจุดเริ่มต้นของ SS จากนั้นจึงไปยัง SS เอง ตามด้วยส่วนประสานงานไปยังค่ายพักแรมถัดไป ในพื้นที่ห่างไกลที่มีหมู่บ้านไม่กี่แห่ง SS อาจใช้เวลาทั้งวัน

Waypoints (เวย์-พอยน์)

จุดอ้างอิง คือจุดที่ผู้แข่งขันต้องผ่านนอกเหนือจากจุดตรวจ จุดอ้างอิงเป็นส่วนหนึ่งของชุดควบคุมที่ผู้จัดงานจัดเตรียมขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้แข่งขันเข้าใกล้อันตราย เมื่อรถแข่งเข้าใกล้จุดอ้างอิง จอมอนิเตอร์ GPS จะเริ่มทำงานและแสดงทิศทางและระยะทางไปยังจุดอ้างอิง มีจุดอ้างอิงสองประเภท ได้แก่ Hidden Waypoint (WPM หรือ จุดอ้างอิงแบบซ่อน) และ Waypoint Safety (WPS) โดย WPM GPS จะเริ่มทำงานเมื่อรถแข่งเข้ามาใกล้จุดอ้างอิงในระยะ 800 เมตร และบันทึกว่ารถ "ผ่าน" แล้วเมื่อเข้ามาใกล้จุดอ้างอิงในระยะ 200 เมตร สำหรับ WPS เพื่อให้ผู้แข่งขันไม่เข้าใกล้อันตราย GPS จะเริ่มทำงานเมื่อเข้าใกล้จุดอ้างอิงในระยะ 3 กิโลเมตร และบันทึกว่ารถ "ผ่าน" แล้วเมื่อเข้ามาใกล้จุดอ้างอิงในระยะ 90 เมตร ผู้แข่งขันต้องผ่านจุดอ้างอิงทั้งหมด ซึ่งโดยปกติจะมี 40 ถึง 50 จุดต่อวัน

Road book (โร๊ด-บุ๊ค)

โร๊ดบุ๊ค คือ คู่มือที่จะบอกเส้นทางในวันถัดไป ซึ่งจะเป็นรูปแบบคร่าวๆ เรียกว่า เซลล์แมพ (Cell Map) ผู้ลงแข่งจะต้องศึกษา และดูเส้นทางตามอย่างเคร่งครัดก่อนการแข่ง แต่ทว่าเส้นทางในโร๊ดบุ๊คนั้นจะบอกเพียงจุดมุ่งหมายและระยะเท่านั้น การดูเส้นทางถือว่าเป็นงานที่ยากและต้องใช้ความชำนาญอย่างมาก ซึ่งความสามารถในการนำทางถือเป็นความสามารถที่สำคัญมากในการแข่งขันดาการ์